ทรัมป์กำลังทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตกต่ำโดยตั้งใจหรือไม่? 

2025-05-29 | ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ , เศรษฐกิจสหรัฐฯ , เศรษฐกิจโลก

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจทางการเงินระดับโลก อาจกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่มูลค่าของมันถูกลดทอนอย่างมีกลยุทธ์จากภายใน 

และคนที่อยู่ศูนย์กลางของเรื่องนี้ก็คือ? โดนัลด์ ทรัมป์ 

ในขณะที่ทรัมป์เดินหน้าวางแผนสำหรับอีกสี่ปีข้างหน้า มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่าเขาอาจกำลังกดดันธนาคารกลางสหรัฐให้ลดค่าเงินดอลลาร์อย่างตั้งใจ ไม่ใช่แค่ในเชิงเศรษฐกิจ แต่เป็นอาวุธทางการเมืองด้วย 

ดังนั้น ทรัมป์กำลังทำให้ดอลลาร์สหรัฐร่วงโดยตั้งใจจริงหรือไม่? มาดูหลักฐานกัน 

การลดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลงประมาณ 25–30% ภายในสองสามปีข้างหน้า อาจฟังดูรุนแรง แต่ก็อาจเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการโดยตรง 

เหตุผลมีดังนี้: 

  • การขาดดุลการค้าลดลง: ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงจะทำให้สินค้าส่งออกของสหรัฐมีราคาถูกลงและแข่งขันได้ดีขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งช่วยลดช่องว่างการค้าและสร้างผลงานให้ทรัมป์ได้ไม่ยาก 
  • ความต้องการพันธบัตรสหรัฐจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น: ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอาจจูงใจให้ธนาคารกลาง เช่น ธนาคารกลางจีนหรืออิรัก เพิ่มการถือครองดอลลาร์สหรัฐและพันธบัตรเพื่อช่วยพยุงค่าเงินของตนเอง 
  • ราคาสินทรัพย์พุ่งขึ้น: เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง กำลังซื้อจะลดลง ส่งผลให้ราคาหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโตปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้ตลาดดูแข็งแกร่งกว่าความเป็นจริง 
  • ข้อได้เปรียบด้านโซนค่าเงิน: ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงอาจกระตุ้นให้บริษัทข้ามชาติจำนวนมากย้ายการดำเนินงานเข้าสู่สหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 

พูดง่ายๆ คือ การทำให้ดอลลาร์อ่อนลงสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจในคราวเดียวกัน 

พฤติกรรมของตลาดในปี 2025 สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างน่าสนใจ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ระดับราคาต่ำสุดที่ผ่านมา: 

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น แต่ตลาดหุ้นยังพุ่งต่อเนื่อง 
  • บิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง 
  • ราคาทองคำซื้อขายใกล้จุดสูงสุดตลอดกาล 
  • ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง 

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่สะท้อนถึงการกำหนดมูลค่าทรัพย์สินใหม่ภายใต้ยุคใหม่ของ “การลดค่าเงิน” 

และยุคนั้นกำลังถูกขับเคลื่อนอย่างเงียบๆ โดยประเทศเศรษฐกิจมหาอำนาจทั่วโลก 

กราฟนี้แสดงให้เห็นว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีรูปแบบวัฏจักรซ้ำทุกๆ 10 ปี โดยแต่ละรอบมักจบลงด้วยการกลับตัวอย่างรุนแรง และในวันนี้ DXY กำลังเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของการอ่อนค่าครั้งใหญ่รอบใหม่ 

ผลที่ตามมา? มีโอกาสที่ดอลลาร์จะอ่อนค่าต่อไป โดยเฉพาะหากนโยบายกดค่าเงินของทรัมป์เริ่มเป็นรูปธรรม และธนาคารกลางสหรัฐฯ ถูกกดดันทางการเมืองให้ลดดอกเบี้ย 

ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ เท่านั้นที่กำลังลดค่าเงินของตนเอง ยูโรโซน จีน และญี่ปุ่น ต่างก็ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน ได้แก่: 

  • การกดอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 
  • การแทรกแซงค่าเงิน 
  • การอัดฉีดสภาพคล่อง 
  • โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านหนี้ภาครัฐ 

การดำเนินนโยบายร่วมกันเหล่านี้ผลักดันให้ตลาดทั่วโลกเข้าสู่โหมดยอมรับความเสี่ยงอย่างกว้างขวาง หุ้นพุ่งขึ้น ความต้องการพันธบัตรลดลง และสกุลเงินปลอดภัยอ่อนค่า 

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ดอลลาร์กำลังกลายเป็นหมากตัวสำคัญในเกมเศรษฐกิจระดับโลก 

จากกราฟด้านบนจะเห็นได้ว่าดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงอย่างชัดเจน ไม่เพียงแค่เมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ แต่รวมถึงสกุลเงินของประเทศพัฒนาแล้วด้วย 

สารที่ได้จากภาพนี้คือ ตลาดโลกกำลังลดความเสี่ยงจากการถือครองดอลลาร์อย่างเงียบ ๆ เพราะคาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะยังคงอ่อนค่าต่อไป 

ผู้ชนะ? ทองคำแบบขาดลอย หากดอลลาร์ยังอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง เม็ดเงินลงทุนจำนวนมากอาจไหลเข้าสู่สินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโต และสินทรัพย์ที่ไม่อิงดอลลาร์มากยิ่งขึ้น 

ที่ผ่านมา เราได้พูดถึงปัจจัยเชิงมหภาคและมุมมองโดยรวมแล้ว แต่เมื่อมองในเชิงเทคนิคแล้ว ดอลลาร์กำลังส่งสัญญาณอะไร? 

ปรากฏว่าภาพทางเทคนิคก็สอดคล้องกับสิ่งที่เล่าไว้ก่อนหน้า 

ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ขณะนี้กำลังเคลื่อนไหวใกล้ระดับแนวรับระยะยาวสำคัญที่บริเวณ 98 ถึง 99 หากไม่สามารถยืนอยู่เหนือระดับนี้ได้ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วงลงต่อไปที่แนวรับบริเวณ 9 

ในเชิงเทคนิค สิ่งนี้แปลว่ารอบขาขึ้นของดอลลาร์กำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะจบลงหากหลุดแนวรับดังกล่าวลงมา ก็อาจเป็นการยืนยันการเข้าสู่แนวโน้มขาลงหลายปี 

และถ้าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับที่ทรัมป์ยังคงกดดันให้ลดดอกเบี้ยล่ะ? ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงเร็วกว่าที่หลายคนคาดไว้มาก 

ลองดูผลกระทบแบบโดมิโนที่อาจเกิดขึ้น: 

  • หุ้น: กำไรของบริษัทข้ามชาติอาจดูดีขึ้นเมื่อแปลงกลับเป็นดอลลาร์ที่อ่อนค่า ตลาดจะดูแข็งแกร่งกว่าความเป็นจริง 
  • ทองคำ: เมื่อค่าเงินกระดาษอ่อนค่าลง ทองคำจะดูมีเสน่ห์มากขึ้น ดอลลาร์อ่อนอาจเป็นเชื้อเพลิงให้ราคาทองพุ่ง 
  • คริปโต: บิตคอยน์ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ต้านค่าเงินกระดาษ จะได้อานิสงส์จากกระแสการลดค่าเงิน 
  • สินค้าโภคภัณฑ์: ราคาน้ำมันและสินค้าเกษตรอาจปรับขึ้นเมื่อผู้ผลิตทั่วโลกตอบสนองต่อดอลลาร์ที่อ่อนลง 

พูดอีกอย่างคือ ทรัมป์อาจไม่ได้แค่อ่อนค่าดอลลาร์ แต่กำลังเร่งการปรับมูลค่าสินทรัพย์โดยใช้ภาพเศรษฐกิจบูมบังหน้า 

แม้จะยากที่จะพิสูจน์เจตนา แต่สัญญาณที่ปรากฏนั้นชัดเจน: 

  • ทรัมป์กดดันเฟดให้ลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง 
  • วิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจของเขาเอื้อต่อดอลลาร์ที่อ่อนค่า 
  • พฤติกรรมของตลาดในปัจจุบันก็สอดคล้องกับทฤษฎีนี้ 

ดังนั้น ทรัมป์กำลังทำลายค่าเงินดอลลาร์โดยตั้งใจหรือเปล่า? 

ถ้าไม่ถึงกับทำลาย ก็ดูเหมือนไม่ได้พยายามจะช่วยมันไว้เช่นกัน 

ไม่ว่าจะเป็นเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มกำไรบริษัท หรือปั่นราคาสินทรัพย์ ทุกอย่างบ่งชี้ว่าเป็นการลดค่าเงินอย่างมีกลยุทธ์ 
 

และตลาดก็ไม่ได้ต่อต้าน แต่ว่ากลับตอบรับมันด้วยซ้ำ 


การเปิดเผยความเสี่ยง 
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น    
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ   
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว  
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ Doo Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง 

วิเคราะห์ตลาดเชิงลึกIconBrandElement

article-thumbnail

2025-07-17 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังพุ่งขึ้น และอะไรคือปัจจัยเบื้องหลัง 

บิตคอยน์ ทำสถิติใหม่อีกครั้ง พุ่งทะลุ 123,000 ดอลลาร์ ดึงเหล่านักเทรดให้กลับเข้าสู่โหมดเสี่ยงเต็มพิกัด แต่คำถามคือ นี่เป็นเพียงอีกหนึ่งรอบของกระแสเก็งกำไร หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างแล้วจริงๆ?  ถ้ามองลึกลงไป จะเห็นว่ามีพลังขับเคลื่อนสำคัญสองอย่างที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งหลายคนยังไม่ทันเชื่อมโยงจุดเหล่านี้เข้าด้วยกัน  สิ่งแรกกำลังคลี่คลายอยู่ในวอชิงตัน ขณะที่อีกกระแสหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ในระบบการเงินโลก โดยส่งสัญญาณล่วงหน้าแบบเดียวกับที่เคยหนุนให้บิตคอยน์พุ่งแรงมาแล้วหลายรอบ  และเมื่อรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่าทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังไต่ระดับขึ้น และทำไมรอบนี้อาจไม่ใช่แค่การพุ่งขึ้นชั่วคราวเหมือนที่ผ่านมา  กฎหมายคริปโตฉบับใหม่เปลี่ยนเกมทั้งกระดาน  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนบิตคอยน์ต้องเผชิญกับคำถามคาใจหนึ่งที่ยังไร้คำตอบจากฝั่งอเมริกา: สหรัฐฯ เอาจริงเอาจังกับคริปโตแค่ไหนกันแน่?  ตั้งแต่กรณีที่ SEC ไล่จัดการกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนต่างๆ ไปจนถึงการถกเถียงว่า ETH หรือ stablecoin ควรถูกจัดเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ และการขาดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนโดยสิ้นเชิง ทำให้เงินทุนจากสถาบันส่วนใหญ่มักเลือกอยู่เฉยๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปแล้ว  สภาผู้แทนราษฎรกำลังผลักดันกฎหมายคริปโตชุดใหญ่หลายฉบับ โดยเฉพาะร่างกฎหมาย Financial Innovation and Technology for the 21st Century Act ที่ถูกออกแบบมาเพื่อระบุให้ชัดเจนว่าใครมีหน้าที่ดูแลอะไร มอบอำนาจกำกับดูแลบิตคอยน์และคริปโตประเภทอื่นให้กับ CFTC มากขึ้น พร้อมทั้งวางกรอบการขอใบอนุญาตระดับชาติให้กับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและ stablecoin อย่างเป็นทางการ  ทำไมบิตคอยน์ถึงชอบร่างกฎหมายคริปโต  บิตคอยน์ไม่ได้พุ่งขึ้นเพราะมีร่างกฎหมายบางฉบับที่อาจจะผ่าน […]

article-thumbnail

2025-07-14 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

พรรคอเมริกาของ Musk ส่งสัญญาณบวกหรือลบต่อหุ้น TSLA? 

อีลอน มัสก์ กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เรื่องจรวดหรือหุ่นยนต์แท็กซี่ แต่เป็นการเปิดตัวขบวนการทางการเมืองของเขาเองในชื่อว่า “พรรคอเมริกา”  ในมุมแรกอาจดูเหมือนโปรเจกต์ส่วนตัวแปลกๆ ของมหาเศรษฐีอีกชิ้นหนึ่ง แต่ถ้าสังเกตให้ดี มันอาจกลายเป็นหมากตัวใหม่ที่ส่งผลต่อทิศทางการเมืองและเศรษฐกิจในอนาคต และอาจเป็นแรงหนุนต่อหุ้น Tesla (TSLA) ในแบบที่นักลงทุน Wall Street หลายคนยังมองไม่เห็น  พรรคอเมริกาคืออะไร?  แล้วจริงๆ พรรคอเมริกาคืออะไร? และทำไมมัสก์ถึงสร้างมันขึ้นมา?  พูดง่ายๆ นี่คือคำตอบของอีลอน มัสก์ต่อระบบที่เขามองว่า “ล้มเหลว” พรรคอเมริกาเป็นขบวนการทางการเมืองใหม่ ที่ตั้งใจมาท้าทายระบบการผูกขาดของสองพรรคใหญ่ในสหรัฐฯ มัสก์ระบุว่า พรรคนี้เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมเสรีภาพในการพูด เปิดพื้นที่ให้การถกเถียงทางการเมืองกว้างขึ้น และอาจมีบทบาทในการกำหนดนโยบายด้านภาษีและกฎระเบียบที่กระทบต่อธุรกิจของเขาโดยตรง  ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายเกินตัว โค้ดภาษีที่ไม่เป็นธรรม หรือกฎระเบียบที่ขัดขวางเทคโนโลยีใหม่ๆ มัสก์ต้องการลุกขึ้นมาท้าทายทั้งหมดนี้ และสร้างระบบที่ให้ “ไอเดียที่ดีที่สุด” ชนะ ไม่ใช่ “คนที่วิ่งล็อบบี้เก่งที่สุด”  แต่มันยังมีอีกชั้นหนึ่ง พรรคอเมริกาดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์ตอบโต้ของมัสก์ต่อภัยคุกคามอย่างข้อเสนอของทรัมป์ในการเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจากยุโรป ซึ่งอาจกระทบต่อโรงงาน Tesla ในเบอร์ลิน การมีพรรคการเมืองของตัวเอง ทำให้มัสก์ไม่ได้แค่ตั้งรับ แต่รุกกลับเต็มที่ ตั้งเป้าสร้างบทสนทนาใหม่ในสังคม และผลักดันนโยบายที่จะทำให้สหรัฐฯ แข่งขันได้ในเทคโนโลยี พลังงาน และอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง  พูดให้เข้าใจง่ายๆ: พรรคอเมริกาคือวิธีของมัสก์ในการ […]

article-thumbnail

2025-07-03 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทองคำ vs บิตคอยน์: อะไรจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในปี 2025? 

เมื่อพูดถึงการป้องกันความผันผวนของตลาด มีสินทรัพย์อยู่สองประเภทที่โดดเด่น: ทองคำและบิตคอยน์ หนึ่งในนั้นได้รับความไว้วางใจมานานนับพันปี ส่วนอีกตัวแม้จะอายุน้อยแต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับโลกการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างน่าทึ่ง  และในตอนนี้ ขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เริ่มคลี่คลายลง และตลาดต่างจับตาการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของพาวเวลล์ สินทรัพย์ทั้งสองนี้ก็กลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในการดึงดูดเงินลงทุน  แล้วอะไรจะกลายเป็น “หลุมหลบภัยทางการเงิน” สำหรับที่เหลือของปี 2025? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน  ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญในตอนนี้  การเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลาง รวมถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของทรัมป์ในการลดความตึงเครียดระดับโลก ได้ช่วยสลายความเสี่ยงระยะสั้นครั้งใหญ่ ราคาน้ำมันก็เริ่มเย็นลง ขณะที่ความคาดหวังเรื่องเงินเฟ้อก็เริ่มลดลงเช่นกัน นั่นหมายความว่า ความสนใจของตลาดจะหันไปจับตาธนาคารกลางสหรัฐว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อใด  นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ทองคำและบิตคอยน์จะได้พิสูจน์ว่าใครคือผู้นำตัวจริงในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ทั้งสองต่างมีแนวโน้มไปได้ดีเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว ทั้งสองได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง และทั้งสองยังดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนที่วิตกกังวลและต้องการปกป้องอำนาจการซื้อ  แต่ในวันนี้ ใครคือผู้ที่ยืนเหนือกว่า?  ทองคำ vs บิตคอยน์: เปรียบเทียบแบบชัดๆ ในปี 2025  ก่อนจะลงลึกว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดของทั้งสองฝั่ง มาดูภาพรวมกันก่อนว่า ทองคำและบิตคอยน์แตกต่างกันอย่างไรในปัจจัยพื้นฐานที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้  ตอนนี้คุณก็เห็นภาพรวมแล้ว ต่อไปมาดูกันว่าทำไมทองคำอาจยังเปล่งประกายได้อีกในปีนี้ และอะไรอาจเป็นแรงผลักดันให้บิตคอยน์พุ่งแรงยิ่งขึ้น  ทองคำ: เป้าหมายถัดไปอาจอยู่ที่ 4,000 ดอลลาร์จริงหรือ?  มาเริ่มกันที่ทองคำ ล่าสุดราคาทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ใกล้ 3,500 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย  อะไรคือปัจจัยหนุน? เป็นผลจากหลายปัจจัยที่ประจวบเหมาะ ทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง การเข้าซื้อของธนาคารกลาง และความกังวลเรื่องเสถียรภาพหนี้ในระยะยาว […]